รีวิว Dredd 3D กระหึ่มความมันถึงใจ พร้อมยังสร้างเซอร์ไพรส์ไปพร้อมเสียงตอบรับความเยี่ยม

Dredd 3D เรื่องราวของโลกอนาคตที่เต็มไปด้วยอาชญากรรม และมีตุลาการเป็นผู้ปราบปราม หนังแอ็คชั่นไซไฟสไตล์ดิบๆ โหดๆ กับเรื่องราวของอเมริกาในโลกอนาคตที่กลายเป็นทะเลทราย เหลือเพียง “เมกาซิตี้ วัน” เมืองถูกจำกัดด้วยกำแพงสูง ภายนอกมีแต่กัมมันตภาพรังสี เมืองที่ผู้คนอยู่กันอย่างหนาแน่นและกำลังรุ่งริ่งใกล้ล่มสลาย แต่ก็ยังมีผู้พิทักษ์อย่างเหล่าตุลาการคอยปราบปรามอาชญากรเพื่อประคับประคองให้เมืองยังกระท่อนกระแท่นเดินต่อไปได้ 

เรื่องราว Dredd (Karl Urban) ก็คือตุลาการคนหนึ่งที่เป็นพระเอกของเรื่องนี้ เขาสวมหน้ากากตลอดเวลา และสวมเสื้อเกราะกันกระสุนที่ดูเทอะทะ ภายใต้หน้ากาก หน้าเขาดูเหี้ยม มองเห็นเพียงรูปปากและร่องรอยเคราที่ถูกโกนภารกิจเริ่มต้นของเรื่อง พาเราไปรู้จักกับเมืองที่ฟอนเฟะแห่งนี้ พร้อมกับทำความรู้จักกับสารเสพติดที่ทำรายได้มหาศาลให้กับมาเฟียของเมือง ก่อนที่จะพาเราไปพบกับนางเอกสาวผมบลอนด์คิ้วคำของเรา Anderson (Olivia Thirlby) เธอเป็นสาวที่มีพลังจิตกำลังจะกลายเป็นตุลาการฝึกหัดที่ Dredd จะเป็นผู้ประเมินในสถานการณ์ที่โหดถึงขีดสุด เมื่อวายร้ายของภาคนี้เป็น มาม่า หญิงสาวผู้มีรอยแผลเป็นที่หน้า ผู้ผลิตและจำหน่ายยาเสพติดชื่อดังและโหดเป็นที่หนึ่ง ด่านยากสุดหินแบบนี้ Anderson จะผ่านไปไหวมั้ย?

โดยสรุปพล็อตเรื่อง Dredd เป็นหนังแอนตี้ฮีโร่ที่เนื้อเรื่องวนอยู่ในที่จำกัด แต่ก็เล่าออกมาได้มีแง่มุมให้คิดและน่าติดตาม แม้ตัวเดร็ดเองจะไม่ค่อยมิตินัก แต่การมีนางเอกที่หน้าตาน่ารักมาก มีความคิด อุปนิสัย และความสามารถที่แตกต่างจากพระเอกอย่างสิ้นเชิง ก็สร้างปมบางอย่างให้เกิดขึ้นในหนังได้ เมื่อยอดตุลาการอย่างเดร็ดผู้ทำได้ทุกอย่างเพื่อผดุงความยุติธรรม ตัดสินสำเร็จโทษผู้ร้ายอย่างดิบเหี้ยม มาเจอกับตุลาการสาวหน้าใหม่ที่จิตไม่เข้มแข็ง แถมยังมองการจัดการอาชญากรในอีกแง่มุมหนึ่ง ความสนุกในการไล่ตามเรื่องตรงหน้าและสนุกไปกับมัน แบบดิบๆ โหดๆ นี่แหละ พระเอกไม่ได้เท่ดูดี มีคุณธรรม หากแต่เท่เหี้ยม โหด หน้าบึ้งตลอดเวลา…

👉👉 นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวซีรี่ย์แนวพีเรียด อิงประวัติศาสตร์ ได้ที่นี่