รีวิว Peacemaker มีทั้งความฮา ห่าม บ้าดีเดือด ปัญญาอ่อน อยู่รวมกันในคนๆ เดียว

Peacemaker  สปินออฟ ต่อจากหนัง The Suicide Squad 2021 ฉบับผู้กำกับ เจมส์ กันน์ เรื่องราวต่อมาของฮีโร่ผู้รักสันติภาพสุดขีด ที่ต้องมารับงานให้รัฐบาลต่อเพื่อแลกกับการไม่ติดคุก และภารกิจนี้ทำให้เขาได้ทบทวนจุดยืนของตัวเองอย่างจริงจัง ก่อนดูซีรีย์เรื่องนี้ผู้ชมควรต้องดู The Suicide Squad ภาคล่าสุดก่อนถึงจะเข้าใจว่าเรื่องราวในซีรีย์นี้กำลังบอกเล่าตัวตนที่ค่อยๆ เปลี่ยนไปจากในภาพยนตร์



เพราะนี่เป็นภาคแยกที่เล่าเรื่องราวต่อจากตอนจบของหนังตรงๆ โดยให้เห็นเรื่องราวชีวิตของพีซเมคเกอร์ทั้งก่อนและหลังจากเหตุการณ์ในหนัง ทำให้ผู้ชมได้รับรู้เรื่องราวของเขามากขึ้น ที่มีทั้งความฮา ห่าม บ้าดีเดือด ปัญญาอ่อน อยู่รวมกันในคนๆ เดียว แบบที่น่าสนใจมากและไม่เหมือนฮีโร่ตัวไหนๆ มาก่อนทั้งใน DC หรือมาร์เวลเองก็ตาม





เรื่องราวหลังจากจัดการโปรเจ็กต์สตาร์ฟิชได้ พีชเมคเกอร์ก็ถูกปล่อยให้เป็นอิสระปลอมๆ เพราะสุดท้ายนี่คือการวางแผนของอแมนด้าที่คุมทีม Suicide Squad ให้เขามารับงานฆ่าคนที่รัฐบาลต้องการต่อแบบปฏิเสธไม่ได้ เพราะมีทั้งโทษจำคุกที่เหลืออยู่อีก 26 ปีกับระเบิดที่ถูกฝังในสมองพร้อมระบบติดตามตัวป้องกันการหลบหนี ซึ่งคราวนี้เขามีทีมผู้ช่วยจากอแมนด้ามาโดยตรง ไม่ใช่พวกนักโทษจากคุกเบลรีฟแบบเดิม โดยภารกิจนี้มีชื่อโค๊ดเนมว่า “ผีเสื้อ” ที่ดูเหมือนคนปกติทั่วไป จนพีชเมคเกอร์เองก็ยังลังเลไม่แน่ใจว่างานฆ่าคนครั้งนี้เขาถูกรัฐบาลหลอกใช้หรือไม่


โดยบทตัวละครหัวหน้าทีม เคลมสัน เมิร์น (รับบทโดย Chukwudi Iwuji) ลูกน้องสายตรงจากอแมนด้าที่เป็นคนผิวดำเหมือนถอดแบบกันมาเลย แต่เขาก็บอกว่าไม่ใช่คนใจร้ายขนาดวางแผนได้ขนาดนั้น ซึ่งจริงไม่จริงไม่รู้ คนต่อมาก็คือ เอมิเลีย ฮาร์ครอท (รับบทโดย Jennifer Holland) สายลับสาวที่ถอดแบบแบล็ควิโดวของมาร์เวลมาเลยทั้งสกิลต่อสู้กับความสวย ไม่รู้ว่าตั้งใจล้อเลียนหรือไม่ แต่เธอก็มีบทเด่นสำคัญๆ คู่กับพีซเมคเกอร์ตลอด เหมือนเป็นนางเอกของซีรีส์เรื่องนี้ เพราะตัวพีซเมคเกอร์เองก็แอบปิ๊งเธออยู่ด้วย อีกคน ลีโอตา อาเดบาโย (รับบทโดย Danielle Brooks) รับบทตัวฮาทำงานจิปาถะทั่วไปของมีม แต่จริงๆ แล้วเธอเป็นลูกสาวของอแมนด้าที่มาเพื่อเก็บความลับบางอย่างของภารกิจนี้ไว้ ส่วนคนสุดท้ายคือ จอห์น (รับบทโดย Steve Agee ) ผู้ชำนาญไอทีของทีมที่มีบทเด่นตั้งในหนังก่อนนี้แล้ว ก็ยังเป็นคาแรกเตอร์หนุ่มอ้วนเนิร์ดๆ ไอทีเช่นเดิม แต่เพิ่มการเป็นคู่กัดกับพีซเมคเกอร์ขึ้นมา แต่ใจจริงพีซเมคเกอร์เองอยากเป็นเพื่อนกับเขา แต่แสดงออกไม่เป็นเลยต้องปากร้ายใส่ตลอด นอกจากนี้ยังมี “อีกลี่” นกอินทรีคู่หูของพีซที่มีบทน่ารักๆ แทรกเข้ามาขโมยซีนอยู่เรื่อยๆ


โดยสรุปซีรีย์อาจจะดูไม่ได้บู๊หรือลงทุนสูงอะไรมาก โปรดักชั่นอาจจะดูไม่ใหญ่โตแบบภาพยนตร์ แต่เรื่องก็เดินไปแบบสนุกน่าติดตามตั้งแต่แรกๆ เลย ทั้งการใช้ชีวิตของตัวพีซเมคเกอร์เองที่ขยันเจอเรื่องซวยๆ ให้คนได้ฮา แล้วใน 3 ตอนแรกเองก็มีตัวร้ายออกมาถึง 3 ตัว และภารกิจผีเสื้อในเรื่องก็ไม่ได้เป็นสเกลเล็กๆ ด้วย เรียกว่าเป็นซีรีย์ซูเปอร์ฮีโร่ที่ทำออกมาได้น่าติดตามเกินความคาดหวังจากหน้าตาที่เห็นบ๊องๆ มาก



👉👉 นอกจากนี้ติดตาม รีวิวหนังแอคชั่นไซไฟ ได้ที่นี่

Comments

Popular posts from this blog

รีวิว How I Became a Super Hero ปริศนาพลังฮีโร่

รีวิวหนังดิสนีย์ Toy Story 4 (2019) ภาคส่งท้ายของแฟรนไชส์นี้

รีวิวหนัง หนุ่มน้อยเจ้าสังเวียน WWE (The Main Event)