รีวิว X-Men: Apocalypse (X-เม็น อะพอคคาลิปส์) จัดทัพมิวแทนต์ใหม่อีกครั้งหลังปั่นจนต้องเริ่มต้นอีกหน
จักรวาลของซูเปอร์ฮีโร่มาร์เวลถือเป็นจักรวาลที่ซับซ้อนมากที่สุดในโลก แต่เมื่อทาง Twentieth Century Fox ที่สร้างหนังที่เล่าเรื่องราวของเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์อย่าง X-Men มาหลายต่อหลายภาค มันทำให้เหล่าเอ็กซ์เม็นมีรายละเอียดยิบย่อยมากมายจนจำกันไม่หวาดไม่ไหว มีตัวละครตัวเล็กตัวน้อยที่ผลัดกันออกมาโผล่หน้าโผล่ตาและวาดลวดลายตามความพิเศษของตัวเอง จนในที่สุด ฟ็อกซ์ก็ใช้โอกาสนี้จัดระเบียบของจักรวาลนี้เสียใหม่ใน ‘X-Men: Days of Future Past’
ในที่สุด เหมือนว่าเรื่องราวจะต้องกลับไปเริ่มใหม่ด้วยเรื่องราวใหม่ๆ จากตัวละครเดิมๆ ที่วนเวียนกลับมาที่จุดเริ่มใหม่จากอะไรที่เคยทิ้งไว้ในภาคก่อน แต่มันคงจะน่าสนใจขึ้นมากหากเรียกเอาตัววายร้ายกลายพันธุ์ที่โด่งดังและมีพลังมากที่สุดมาร่วมสร้างเรื่องราว งานนี้จึงได้ภาคใหม่ภาคที่สองของไตรภาคล่าสุด ที่มีชื่อว่า ‘X-Men: Apocalypse (X-เม็น อะพอคคาลิปส์)’
เหตุการณ์มันเกิดหลังจากภาคที่แล้วราว 10 ปี การเข้าแทรกแซงเหตุการณ์ในอดีตส่งผลถึงอนาคตที่เปลี่ยนแปลงไป แมกนีโต (Michael Fassbender) หลบลี้ไปมีครอบครัวมีอาชีพดำรงตนเป็นเหมือนคนธรรมดา แต่ก็ไม่วาย ชาร์ลส์ เซเวียร์ (James McAvoy) ผู้เชื่อในความหวัง เขาจัดตั้งโรงเรียนสอนเด็กผู้มีพลังพิเศษให้รู้จักควบคุมพลังและอยู่ร่วมกับมนุษย์บนโลกใบนี้ แต่ไม่มีใครรู้ โลกนี้เคยมีซูเปอร์ฮีโร่ที่ถือกำเนิดขึ้นมาคนแรกของโลก มีพลังพิเศษมากที่สุดในโลก แถมยังมีลูกสมุนข้างกายถึง 4 คนที่คอยช่วยเหลืออารักขาอยู่ ฮีโร่ผู้นั้นถูกขนานนามว่า ‘Apocalypse’ แต่จริงๆ เขาชื่อ En Sabah Nur (Oscar Isaac) ด้วยพลานุภาพอันสูงยิ่ง ส่งผลให้เขากลายเป็นพระเจ้าในสายตาชายอียิปต์โบราณ ทว่าเขากลับหายไปเป็นพันปีก่อนจะโผล่มาอีกครั้ง!
โดยรวม ‘X-เม็น อะพอคคาลิปส์’ ถือว่าทำได้ตื่นตามากที่สุดหลังรอคอยกันมาอย่างอดทนเกือบ 1 ชั่วโมง ด้วยซีจีอลังการดาวล้านดวง แม้ว่าบางช่วงจะดูหลอกตาอยู่บ้าง แต่มันคือช่วงที่พีคสุดของหนัง แถมคุณจะได้เห็นฉากที่คุณยังไม่เคยได้เห็นจากภาคไหน เป็นฉากที่แฟนตัวจริงน่าจะชื่นชอบมากที่สุดอีกด้วย
👉👉 นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวซีรี่ย์แนวพีเรียด อิงประวัติศาสตร์ ได้ที่นี่
Comments
Post a Comment