แนะนำหนัง Venom: Let There Be Carnage (เวน่อม ศึกอสูรแดงเดือด) เพราะเรา "เข้ากันไม่ได้"

Venom: Let There Be Carnage (2021) ตัวละครวายร้ายของสไปเดอร์แมนอย่างวีนอม ถูกสลัดคราบ “ผู้ร้าย” ออกเพื่อทำให้ผู้ชมรู้สึกว่าอยากจะเอาใจช่วยให้ตัวละครนี้สามารถคลี่คลายปมของตัวเองให้บรรลุเป้าหมายในตอนท้ายของหนังภาคแรก อย่างที่คนดูทราบว่าเอ็ดดี้ (ทอม ฮาร์ดี้) ถูกปรสิตต่างดาวอย่างวีนอมยึดครองร่าง เพื่อความอยู่รอด แม้การปรับตัวเข้าหากันของทั้งสองฝ่ายในช่วงแรกไม่ใช่เรื่อง่ายเอาเสียเลย แต่พวกเขาก็พิสูจน์ให้เราเห็นว่า สุดท้ายแล้วทั้งคู่ล้วนแล้วแต่จำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยกัน


เรื่องราว ช่วงเวลาก่อนที่วีนอมจะมารวมร่างกับเอ็ดดี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตัวเอ็ดดี้เองจัดเป็นคนอีโก้สูงแต่ความสามารถต่ำ ความหยิ่งทะนงตนของเขาไม่ได้จางหายไปไหนแต่ยังคงแอบซ่อนฝังรากลึกอยู่ในตัว เช่นเดียวกับทางฝั่งวีนอมเองที่ทำอะไรตามใจ ปากไม่มีหูรูด และหิวเลือดสดๆอยู่ตลอดเวลา หลังจากที่ทั้งสองอยู่ร่วมตัวติดกันเป็นเวลาเนิ่นนาน ส่งผลให้ทั้งคู่เกิดความเอือมระอาต่อกันและกัน จนวันหนึ่งความสัมพันธ์ของถึงสองเดินมาสู่จุดแตกหักทำให้พวกเขาตัดสินใจ “ห่างกันสักพัก” แต่ห่างได้ไม่นาน เมื่อพวกเขาพบว่า “คาร์เนจ” ซึ่งเกิดจากปรสิตในตัวของเอ็ดดี้ดันหลุดไปรวมร่างกับคลีตัส คาซาดี้ (วู้ดดี้ ฮาร์เรลสัน) ระหว่างที่เขากำลังจะถูกประหารชีวิตด้วยการฉีดยาเข้าเส้นเลือด ดันไปกระตุ้นเจ้าปรสิตตัวร้ายให้ยึดครองร่างและออกอาละวาดจนคุกแตกกระจุยเป้าหมายสำคัญของคลีตัสนอกจากการมีชีวิตรอดแล้ว เขายังต้องการกลับไปเจอคนรักเก่าอย่างชรีค (นาโอมี แฮร์ริส) หญิงสาวผู้มีพลังพิเศษในการใช้เสียงกรีดร้องเพื่อทำลายคู้ต่อสู้ ทำให้คลีตัสต้องพึ่งพาคาร์เนจในการใช้พลังพิเศษ ในขณะที่คาร์เนจเองต้องการร่างเพื่อออกหาอาหารเช่นกัน


แม้ว่าจะไม่มีอะไรพลิกโผ เมื่อท้ายที่สุดแล้วทางฝั่งเอ็ดดี้และวีนอมก็จำเป็นจะต้องกลับมา “ดีกัน” เพื่อปราบคาร์เนจ แต่หนังได้เลือกที่จะทำให้คนดูเห็นว่าความสัมพันธ์ที่สานต่อ เชื่อมโยงแก่กันมาเป็นเวลานานของเอ็ดดี้และวีนอมนั้น ทำให้ทั้งสองรู้จุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเอง เมื่อทั้งสองยืดหยุ่นและถ้อยทีถ้อยอาศัยแก่กันและกัน พวกเขาสามารถมองเห็นจุดอ่อนของคาร์เนจและคลีตัสที่ไม่อาจจะประสานเชื่อมโยงเป็นร่างเดียวกันอย่างแท้จริง และทำให้วีนอมเอาชนะอีกฝ่ายได้ในที่สุด




สรุป Venom: Let There Be Carnage เป็นภาคต่อแบบสูตรสำเร็จจ๋า ซึ่งความสนุกของเรื่องอาจจะไม่ใช่ฉากแอ็คชั่นดุเดือด หากแต่เป็นมุกตลกและความบ้าบอของตัวเอ็ดดี้และวีนอมที่ทะเลาะ จิกกัดกันอยู่ตลอดเวลานั่นเอง


👉👉 นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวซีรี่ย์แนวพีเรียด อิงประวัติศาสตร์ ได้ที่นี่

Comments

Popular posts from this blog

รีวิว How I Became a Super Hero ปริศนาพลังฮีโร่

รีวิวหนังดิสนีย์ Toy Story 4 (2019) ภาคส่งท้ายของแฟรนไชส์นี้

รีวิวหนัง หนุ่มน้อยเจ้าสังเวียน WWE (The Main Event)